วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

:: โ ด น ::

.

.

คนเราเลือกเจอแต่สิ่งที่ชอบไม่ได้จริง ๆ

เพราะขนาดไม่ได้หันไปมอง .....

มันก็ยังมาเดินผ่านลูกกะตาอยู่เรื่อย ๆ

วันนี้ ... ปรอทแตกเงียบ ๆ ตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าออฟฟิศ

แมลงปากหมา .. มันชุมมากไปหน่อย ...

ไม่มีเวลาจะเก็บเอามาใส่ใจ ..

เพราะมันทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

.

.

.

สิ่งที่ทำให้รู้สึกแปลบ ๆ ไม่ใช่เพราะการที่คนอื่นมองเราผิด ๆ

ผมเข้าใจเสมอว่ามันเป็นไปไม่ได้

การที่จะบังคับให้ใครคิดยังไง

และคุณค่าความดีงามในตัวคนจะไม่ลดลงเพราะคำพูดไม่กี่คำ

แต่รู้สึกแย่ .... เพราะเสียดายความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้ตะหาก

คงเป็นเพราะบุคลิกเวลาทำงานที่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ

โลกส่วนตัวสูง และ เลียแข้งไม่เป็น .. อาจจะดูขัดตีนกาใครไปบ้าง

มันก็ดีกว่าการเป็นคนยิ้มแย้มประเภทที่รอแทงข้างหลังเวลาเราเผลอ

แบบวันนี้ไง .....

ใครจะไปรู้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม .. ซ่อนมีดไว้ปาดคอกูนี่เอง

เอาเถอะ ... ไว้เป็นบทเรียน

สิ่งมีชีวิตมันก็มีด้านชั่วร้ายทุกสปีชี่ส์แหละ

วันนี้เขียนเอาไว้เตือนตัวเอง

ว่าความไว้ใจจะเป็นเครื่องสร้างความผูกพันธ์ที่ทรงคุณค่า ..

เมื่อเรามอบให้กับสิ่งที่มีสามัญสำนึกเท่านั้น

.

.

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

:: w r i t i n g ::

.

.

เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว .....

ผมเริ่มรู้จักการเขียนที่มากกว่าในห้องเรียน

เพียงเพราะอยากระบายความรู้สึกอัดอั้นในใจ

ผมเขียนทุกอย่างที่อยากเขียน ... และฉีกมันทิ้งไป

แล้วก็พบว่ามันเป็นอีกวิธีระบายที่ดีพอ ๆ กับการร้องไห้

เมื่อ 4 ปีก่อน .....

ผมบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

ทุก ๆ เรื่องเท่าที่จะนึกได้ตอนนั้น

ทั้งเรื่องดี ๆ เหตุการณ์สำคัญ หรือเรื่องที่ไม่น่าจำ

แล้วก็พบว่า ... ผมมีความสุขกับมัน

เพียงแค่ไล่นิ้วไปบนแป้นพิมพ์แบบตามใจอารมณ์

แต่หลังจากนั้นไม่นาน .. มันก็เปลี่ยนไปอีก

กลายเป็นการเขียน ..... เพื่อเตือนสติตัวเอง

.

.

.

จังหวะที่ชีวิตอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง

หลายครั้ง .... ต้องเจอกับสิ่งใหม่ ที่ทำใจรับยาก

กว่าจะปรับสภาพจิตใจตัวเองได้

เล่นเอาคนอื่นเหนื่อยไปตาม ๆ กัน

เพราะความชอบคิดเกินเหตุ และช่างรู้สึกผิดมนุษย์มนา

รู้ตัวว่ามันทำให้ใครต่อใครเบื่อหน่าย

เมื่อรู้ตัวว่ามันยากที่จะมีใครเข้าใจ

ก็เลยหันมาพึ่งพาตัวหนังสือ .... ดีกว่า

เรื่องดีใจ เรื่องเสียใจ เรื่องเล็กน้อย เรื่องงี่เง่า

เรื่องที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้ เรื่องน่าอาย

จินตนาการบ้า ๆ บอ ๆ ไปจนถึงเรื่องที่ไม่มีใครอยากฟัง

นอกจากมันจะไม่ด่ากลับมาแล้ว ... มันไว้ใจได้

แล้วก็ไม่มีคำว่าไม่ีมีเวลา หรือเห็นอย่างอื่นสำคัญกว่า

.

.

จนถึงตอนนี้ ... ผมหลงรักการเขียนจนโงหัวไม่ขึ้น

ถึงจะบอกว่ายุ่งอย่างโง้นยุ่งอย่างงี้

แต่ก็ยังแอบหนีความวุ่นวายมาเขียนอยู่เรื่อย

ถ้าไม่ได้อัพบล็อค .. ก็จะเขียนเก็บไว้เฉย ๆ

เอาไว้อ่านเอง ... บางทีก็ระบายอารมณ์

จุดประสงค์ในการเขียนตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด

อยากเขียนให้คนอื่นอ่าน .....

อยา่กเขียนให้ตัวเองอ่าน .....

อยากเขียนแต่ไม่อยากให้ใครอ่าน ....

อยากเขียนแต่ไม่รู้จะให้ใครอ่าน ....

และอยากเขียน ... ก็เพราะว่าอยากเขียน

อย่างวันนี้ ..

ก็เป็นอีกวันที่อยากเขียนเพราะอยากเขียน

เพราะอยากเขียนเพื่อขอบคุณอะไรก็แล้วแต่

..... ที่ทำให้ผมรักการเขียน .....

ขอบคุณที่ช่วยฉุดผม ... ออกจากความเจ็บปวด

หลายต่อหลายครั้ง .....

ขอบคุณที่นอกจากทำให้รักการเีขียนแล้ว

ทำให้รักการอ่านด้วย .....

เพราะมันช่วยเปิดโลกของผมให้กว้างขึ้น

ทำให้มีเรื่องเขียนเพิ่มขึ้นอีกก่ายกอง

ที่ลืมไม่ได้ ....

เพราะมันทำให้ที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่

มองเห็นอะไรอีกหลายอย่างที่ถ้าคิดเองก็คงจะไม่เห็น

และขอบคุณที่การอ่าน ... ทำให้รู้จักเปิดใจ

ทำใ้ห้รู้ว่าการเปิดใจทำให้เราเห็นอะไรมากกว่าที่มันเป็น

และขอบคุณที่สุด .. ที่ทำให้รู้ว่า

แรงบันดาลใจ ... หาได้จากทุกที่บนโลกนี้

ไม่ต้องวิ่ง ไม่ต้องไล่ตาม ....

แค่อย่ามัวยืนชมข้างทางเพลินจนลืมเดินต่อ ... ก็พอ

.

.

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

:: ม นุ ษ ย์ ตั ว เ ล็ ก ๆ ::

.

.

เป็นหวัดมา 3 วันแล้ว

แต่ก็ กระแดะ มาทำงานทุกวัน

เพราะช่วงนี้เป็นไคลแมกซ์ของแผนก

หายไปวันนึงงานจะสุมขึ้นมาประมาณ 3 เท่า

..... เลย ตาย ไม่ ได้ .....

เวลาอยู่ที่ออฟฟิศต้องป้องกันอย่างหนัก

กลัวหวัดกลายพันธุ์ เดี๋ยวเค้าเดือดร้อนกัน

ผ้าคาด (สีส้ม) ปิดปากไว้ตลอดเวลา

แล้วก็มีผ้าขนหนูอีก 1 ผืน

จะจาม จะไอ ก็เอาปิดหน้าอีกชั้นนึง ... เอาให้ิมิด

เวลามีไข้จะหนาวกว่าคนอื่น 2 เท่า

แถมท่อแอร์ จ่อตรงหัวเป๊ะ .... หนาวไปถึงรูสะดือ ....

เอาผ้ามาปิดหัว ปิดหู ใส่เสื้อกันหนาวด้วย

เวลานั่งทำงาน ..... เห็นแต่มือ กับ ลูกกะตา

ไปตรวจมาแล้วสบายใจได้ไม่ใช่ 2009

ไม่เจอไวรัสH1N1 ... เจอแต่ไวรัสขี้เกียจ

กะลังรอใครนำเข้ายาฆ่ามันอยู่ .. ท่าจะแพง

ไม่มีไข้แล้ว แต่ปั่นงานจนมึน ..

กินยาเ้ข้าไปอีก ..... ง่วงอีก

หากิจกรรมบันเทิงปัญญาก่อน

ก่อนที่มรสุม(งาน)ก้อนต่อไปจะแลนดิ้ง .....

.

.

.

เรื่องหงุดหงิดอันดับ 1 ประจำวันนี้ก็คือ

รับแต่โทรศัพท์ ทั้งวัน ..

แต่ผ้าปิดปากอยู่คุยไม่ถนัด ทางโน้นเค้าฟังไม่รู้เรื่อง

พอรับสายทีก็ดึงออกที ..

ดึงเข้าดึงออก เข้า ๆ ออก ๆ อยู่นั่น

ยางดีดปาก ... ดีดหูมั่ง อะไรมั่ง

นานเข้า ๆ ตอนนี้ .. ยางแม่งยืดหมดแล้ว

ชีวิตของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ

ช่วงนี้ไม่อยากบ่นอะไรให้มากมาย

เพราะรู้สึกว่า ... ยิ่งบอกว่าแย่ มันก็จะดูแย่

โอเชื่อว่าคำแต่ละคำที่เราปล่อยออกไป

มีพลังมากมายกว่าที่เราคิด

คำพูดดี ๆ .. จะทำให้ชีวิตเรามีแต่สิ่งดี ๆ

.

.

มนุษย์นี่ก็เก่งนะ

มีแค่ปากอย่างเดียว ... ทำได้ทุกอย่าง

ทำให้มีความสุข ทำให้มีความทุกข์

ทำให้คนฆ่ากัน หรือรักกันก็ได้

แค่พูด ๆ ๆ กรอกลงไปเท่านั้น

คนที่กำลังจะตาย 1 คน ..... อาจมีชีวิตรอด

เพราะคำพูดดี ๆ ที่มาพร้อมกับกำลังใจ

แต่คนร่างกายแข็งแรง 1 คน อาจจะกำลังอยากตาย

เพราะคนปากหมาคนเดียวก็ได้

คำพูด .. คืออาวุธที่ร้ายแรงที่สุด

ที่ควรเก็บเอาไว้ให้มิดชิด ...

คำพูดที่ดี .. สามารถสร้างเกราะป้องกันภัยทุกอย่าง

คำพูดที่ทำร้าย ... ก็สร้างศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดได้เหมือนกัน

.

.

มาเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย

สงสัยช่วงนี้โดนด่าบ่อยเลยเก็บกดละ ... อิอิ

ต้องโทษตัวเองล่ะที่เกิดมาอ่อนไหวมากไปหน่อย

ใครพูดอะไรก็เก็บไปคิดซะหมด

ใส่ใจแต่คำพูดคนอื่นจนทำให้ตัวเองเสียสมดุลแล้ว

ทำงานอีก 2 วันก็หยุดละ

จะเหนื่อยไปทำไมล่ะชีวิต

ยังไม่รู้ต้องเดินอีกไกลแค่ไหน ...

เป็นแค่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่บางครั้ง

มันก็ใช้ชีวิตจนหนักเกินตัว

เลยอยากระบายอะไรออกมาบ้าง

แต่มันไม่มีใครฟัง ....

ก็เลยดูเหมือนจะรั่ว ๆ แบบนี้ละมั้ง

ไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเรา

ไม่ใช่เพราะว่าไม่เล่าให้ใครฟัง

แต่เราไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องตัวเองให้ใครฟัง

เพราะว่าคนที่ไม่ชอบเรา .....

เค้าไม่มีวันเชื่อไม่ว่าเราจะพูดว่ามันดีแค่ไหน เค้าก็เกลียด

ส่วนคนที่รักเรา .....

เค้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะยังไงเค้าก็จะรัก

ไม่ว่าเราจะย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม

.

.

.